วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

..... ใส่ใจในสุขภาพเท้าช่วงหน้าฝน.....

      ..... ใส่ใจในสุขภาพเท้าช่วงหน้าฝน.....






ช่วงนี้เรียกได้ว่าเข้าสู่หน้าฝนกันอย่างเต็มตัวกันเลยทีเดียวโดยบางพื้นที่นั้นจัดหนักจัดเต็มกันถึงขั้นน้ำท่วมกันอย่างที่ได้ทราบกันผ่านสื่อต่างๆ ว่าเดือดร้อนกันขนาดไหนไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กไปยันจนถึงผู้ใหญ่หรือแม้กระทั่งคนแก่ชราก็ไม่เว้น ขณะที่ในเมืองหลวงที่เราอยู่กันนั้นมันก็ไม่ได้ต่างกันไปสักเท่าไหร่อยู่ที่วันไหนจะตกมากตกน้อยเพียงแค่นั้น ดังนั้นเราจึงควรมาเอาใจใส่ในสุขภาพเท้าของเรากับโรคต่างๆ ที่มันคอยจะมาคุมคามเราในช่วงหน้าฝนเป็นประจำ



ตามธรรมดาแล้วนั้นหากว่าเราจำเป็นต้องไปเดินย่ำน้ำในช่วงฤดูฝนอย่างนี้รวมไปถึงกรณีที่ต้องไปเดินในบริเวณที่น้ำท่วมขังก็ควรระวังเป็นอย่างยิ่งและหลีกเลี่ยงที่จะเดินย่ำน้ำไปด้วยเท้าเปล่า โดยควรที่จะใส่รองเท้าเอาไว้เพื่อป้องกันการโดนสิ่งของมีคมทิ่มแทงเอาได้ไม่ว่าจะเป็นเศษกระเบี้องหรือเศษแก้วเช่นเดียวกับการที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกสัตว์ที่มีพิษอย่างเช่นตะขาบหรืองูกัดต่อยเราได้ รวมทั้งยังมีโอกาสที่จะโดนพยาธิไชผ่านผิวหนังของเราเข้าไปได้อีกด้วย



ขณะเดียวกันเราก็ควรมีรองเท้าบูทเอาไว้ลุยพื้นที่ที่มีน้ำท่วมเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เท้าของเรานั้นมันไปสัมผัสกับน้ำและลดความเสี่ยงที่จะไปสัมผัสเอาสารอันตรายเข้าจนผิวหนังหรือเท้าเราได้รับบาดเจ็บ และเมื่อกลับเข้าบ้านแล้วก็ควรรีบทำความสะอาดเท้าเขาเราด้วยน้ำสะอาดพร้อมฟอกสบู่โดยเฉพาะตรงซอกนิ้วเท้าและซอกเล็บ ก่อนที่จะเช็ดเท้าให้แห้งโดยเน้นไปที่บริเวณซอกนิ้ว ซึ่งอานโรยแป้งฝุ่นเพื่อลดความชื้นของผิว นอกจากนี้รองเท้าที่เปียกแล้วก็ควรเปลี่ยนใหม่แล้วนำไปผึ่งให้แห้งเช่นเดียวกับถุงเท้าก็ไม่ควรใส่คู่ที่อับชื้นให้สลับคู่กับรองเท้าที่เราสวมใส่




อย่างไรก็ดีหากมีปัญหาต้องลุยน้ำท่วมขังเป็นประจำก็ขอแนะนำให้ใช้เกล็ดด่างทับทิมทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคโดยผสมให้เป็นน้ำสีชมพูอ่อนแล้วแช่เท้าเอาไว้ราว 5 นาที และที่สำคัญนั้นควรทาเคลือบผิวด้วยขี้ผึ้งอย่างวาสลีนเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับน้ำจนมากเกินไป แต่หากไม่มีน้ำเพียงพอที่จะทำความสะอาดก็ขอให้เช็ดเท้าให้แห้งก็จะช่วยลดปัญหาของผิวได้เนื่องจากหากเท้าโดนน้ำติดต่อกันมันจะเกิดเท้าเปื่อยและผิวลอกออกได้
ส่วนท่านที่เท้าถูกน้ำอยู่บ่อยๆ แต่ไม่มากสักเท่าไหร่ผิวก็จะมีลักษณะแห้งลอกออกเป็นขุยก็อาจทำความสะอาดได้ไม่ยากจากการเช็ดเท้าให้แห้งพร้อมทาครีมบำรุงผิว แต่หากว่าเท้าโดนน้ำเข้ามากขึ้นนั้นมันก็จะมีลักษณะแห้งแดงบริเวณผิวพร้อมกับแตกลอกและคันจนเป็นบ่อเกิดของผิวหนังอักเสบได้จึงควรใช้ยาทาอย่างครีมประเภทสตีรอยด์



ขอขอบคุณที่มาจาก :  http://women.sanook.com/blog/author/kaew/

"มะละกอสุก" ช่วยกำจัดรอยด่างดำจาก

"มะละกอสุก" ช่วยกำจัดรอยด่างดำ...^^








ปัญหาแผลเป็น รอยดำเวลาอยากจะใส่กระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้นในวันที่อากาศร้อนๆ ทีไร ก็อายขาลายๆ ของตัวเอง สุดท้ายก็ต้องหยิบกางเกงขายาวมาใส่ปกปิด เรามีวิธีช่วยลบรอยแผลเป็นแบบโฮมเมด นั่นคือการใช้มะละกอสุก ที่หาได้ตามตลาดบ้านเรา ลองหันมาใช้วิธีการบ้านๆ แบบไม่ต้องเปลืองเงิน เปลืองแรงอะไรเลย เพียงแค่ใช้เวลาก่อนอาบน้ำเพียงห้านาทีเท่านั้นเอง

ขอเตือนว่า ใครที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ไม่เหมาะกับวิธีการนี้นะคะ และที่สำคัญ ห้ามใช้สูตรนี้กับใบหน้าเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวหน้าบาง จนทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ซึ่งก่อให้เกิดฝ้า กระ ตามมาได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ อาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วย

ส่วนผสม
มะละกอสุก 2-3 ชิ้น บดให้ละเอียด
เกลือป่นละเอียด 5 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนง่ายๆ
1. ล้างขาและเท้าให้สะอาด ซับให้แห้ง
2. นำมะละกอสุกที่บดแล้ว มาผสมกับเกลือ จากนั้นนำมาขัดเบาๆ ให้ทั่วขาและหลังเท้า หรือทาเฉพาะบริเวณที่มีรอยแดง รอยดำ
3. ขัดประมาณ 1 นาที จากนั้นก็นำมะละกอผสมที่เหลือ มาพอกให้ทั่วขา พอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
4. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รับรองว่ารอยแผลเป็น รอยแดง รอยดำจะค่อยๆ จางลง




ที่มา: http://guru.sanook.com/


ผลไม้ 7 อย่าง ที่คนอยากสวยต้องไม่พล




ผลไม้ 7 อย่าง ที่คนอยากสวยต้องไม่พลาด


เรื่องของผิวพรรณเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ารูปร่าง ไม่ว่าใครก็อยากมีผิวพรรณที่สวยงาม นวลเนียน เปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนกว่าวัย วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆ เป็นผลไม้ 7 อย่างที่คนอยากสวยต้องไม่พลาดมาฝากกันค่ะ 



     แอปเปิ้ล 

 อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและไฟเบอร์ ที่ชื่อ เพคติน ที่มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้หากคุณรู้สึกหิว แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารให้คุณเลือกรับประทานแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวให้คุณได้ดีทีเดียวค่ะ แถมยังได้ประโยชน์กับร่างกายมากกว่าอาหารว่างชนิดอื่นๆ อีกด้วยค่ะ

     



   ลูกพรุน 

 เป็นแหล่งสะสมของสารโปแตเชียม ธาตุเหล็ก ไฟเบอร์ และมีวิตามินซี ที่จำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของคนเรา นอกจากนี้ พรุนยังมีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณดูมีเลือดฝาด ดังนั้นถ้าใครอยากมีใบหน้าสดใสแดงระเรื่อแลดูสุขภาพดี โดยไม่ต้องแต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ ต้องไม่พลาดที่จะรับประทานลูกพรุนเป็นประจำนะคะ



     


     ฝรั่ง 

  เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ฝรั่งเป็นแหล่งของวิตามินซีชั้นเยี่ยม และยังมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณของคุณเต่งตึงเปล่งปลั่งดูอ่อนกว่าวัย เนื่องจากฝรั่งมีวิตามินซีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย จึงทำให้ผิวพรรณกระชับเต่งตึงนั่นเองค่ะ สาวๆ ที่ไม่อยากแก่ก่อนวัยอันควร ต้องหมั่นกินฝรั่งเป็นประจำนะคะ





    ถั่ว 

 สาวๆ คนไหนอยากมีรูปร่างสวย กระชับ ไม่มีไขมันส่วนเกิน ถั่วเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคุณเลยค่ะ เพราะถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นอกจากนี้ ไฟเบอร์ที่ได้จากถั่วยังทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มได้นานอีกด้วยค่ะ ดังนั้นถั่วจึงมีประโยชน์ที่ช่วยในการลดน้ำหนักให้กับคุณสาวๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ






   บร็อกโคลี่ 


 เป็นผักที่มีประโยชน์กับร่างกายมาก เพราะบร็อกโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติที่ดีกับผิวพรรณของคุณอย่างมาก ซึ่งซีลีเนียมนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวพรรณของคุณดูเต่งตึงอ่อนกว่าวัย มีน้ำมีนวล  แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นให้เรียบตึงขึ้นอีกด้วยค่ะ



       
       
 กล้วยไข่       
           
หลายๆ คนเข้าใจกันดีว่ากล้วยทุกชนิด มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากล้วยไข่มีดีเป็นพิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่นๆ ในเรื่องของเบต้าแคโรทีนที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้คุณมีผิวพรรณเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ





         นอกจากการรับประทานผักผลไม้ที่เป็นประโยชน์กับผิวพรรณแล้ว ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บด้วยค่ะ




..................................................................................................................................

ขอขอบคุณที่มาจาก  http://women.sanook.com/blog.

....วิธีบำรุงผิว 5 ขั้นตอน....


....วิธีบำรุงผิว 5 ขั้นตอน....
1. กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ
                            
          อาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อผิวมากกว่าเครื่องสำอางใดๆ ดังนั้นเราจึงควรเลือกอาหารที่จะช่วยดูแลสุขภาพผิวพรรณอย่างถูกต้อง เช่น อาหารอุดมวิตามินเอ เช่น นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม ตับ ฟักทอง แคร์รอต ผักบุ้ง ตำลึง อาหารพวกนี้นอกจากจะช่วยทำให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อในร่างกายอีกด้วย


  • อาหารอุดมด้วยวิตามินบี เช่น เนื้อปลา เป็ด ไก่ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ
  • อาหารอุดมด้วยวิตามินซี เช่น ผักผลไม้ทั้งหลาย วิตามินซีในผักผลไม้จะช่วยทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • อาหารอุดมด้วยวิตามินอี เช่น จมูกข้าวสาลี ธัญพืชต่างๆ วิตามินอีจะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ป้องกันแผลเป็น
  • น้ำมันปลา ซึ่งมีกรดไขมันโอเมกา-3 จะช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูมีสุขภาพดี
  • ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร หรือ 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว




2. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ


แม้อารมณ์จะมีความสำคัญโดยอ้อมกับผิวพรรณ แต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ เพราะถ้าอารมณ์หงุดหงิด โกรธง่ายจะทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดไม่ดี ท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ไม่อยากอาหาร ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้สุขภาพผิวแย่ไปด้วย



3. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใสเต่งตึง เนื่องจากผิวได้รับการซ่อมแซมในระหว่างหลับอย่างเต็มที่ การพักผ่อนในที่นี้ยังรวมถึงการผ่อนคลายในรูปแบบต่างๆ ด้วย เช่น การเล่นโยคะ บริหาร่างกาย นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ เป็นต้น





4. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้โลหิตนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยขับถ่ายพิษหรือของเสียออกจากร่างกายทางเหงื่อได้ ผิวพรรณจึงดูสดใส เปล่งปลั่ง และมีเลือดฝาด


5. ดูแลความสะอาดของผิวพรรณ


       เป็นวิธีช่วยเพิ่มเสน่ห์ของผิวพรรณได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้ผิวสดชื่นปลอดจากเชื้อโรคหรือเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง การอาบน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะ (ประมาณ 38 องศาเซลเซียส) จะช่วยทำความสะอาดผิวหนังได้ดีมาก และยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด แต่หากอาบน้ำอุ่นจัดเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้อ่อนเพลียได้ง่าย สำหรับสบู่ที่ใช้ทำความสะอาดผิวควรมีค่า pH5 หรือน้อยกว่านั้นและควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำชนิดโฟม เพราะทั้งสบู่ที่มีฤทธิ์แรงและโฟมจะทำลายไขมันตามธรรมชาติที่เคลือบอยู่บนผิว ทำให้ผิวแห้ง หลังอาบน้ำควรทาครีมบำรุงผิวให้ทั่วตัว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว



             






........................................................................................................................................................

 และขอขอบคุณภาพจาก http://www.thaicollarich.com/



วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดี










   1. ให้ผิวอิ่มน้ำ
           

          ทราบหรือไม่คะว่าผิวมีโอกาสสูญเสียความชุ่มชื้นได้ตลอดเวลาถึงแม้ว่าคุณจะชะโลมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์มากแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ให้รู้ไว้เถอะค่ะว่ายังไม่เพียงพอหรอกดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มระดับความชุ่มชื้นแก่ผิวยิ่งขึ้นจึงควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละประมาณ 1-2 ลิตรเป็นอย่างน้อย


   2. ขยับแข้ง ขยับขา


             อย่าคิดว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ดังนั้นจงลุกขึ้นมาว่ายน้ำ วิ่ง เต้น แอโรบิค หรือทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่คุณชื่นชอบกันดีกว่า เพราะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตแล้วยังทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและสดใสได้อีกด้วย



   3. ให้อาหารผิว


          ให้ผิวของคุณได้รับประโยชน์จากวิตามินบ้างด้วยการรับประทานผักใบเขียว สลัด และผลไม้ ทุกวัน



   4. หลีกเลี่ยงการสัมผัส


             คุณทราบเคล็ดลับการดูแลผิวแล้วใช่ไหมคะ ถ้าใช่ก็คงจะทราบดีว่ามือของเรานั้นไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด การที่ใช้มือลูบหรือจับใบหน้าทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามโดยที่ยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาดเสียก่อนนั้นมีโอกาสที่ผิวของคุณจะสัมผัสกับเชื้อโรคที่ติดอยู่กับมือหรือเล็บได้



5. พักผ่อนผิว


              ผิวคุณจะไม่สดใสและดูหดหู่ยิ่งขึ้นถ้าไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างดีในยามหลับ ทางที่ดีที่สุดคือ ควรพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อที่ตื่นมาแล้วคุณจะได้พบกับใบหน้าที่ดูอิ่มเอิบและเปล่งปลั่งขึ้น


   6. ผิวใส

     นางแบบชั้นแนวหน้ายังไม่กล้าปล่อยให้ผิวของตัวเองต้องตกอยู่ภายใต้เมคอัพที่หนาเตอะได้ทั้งวันเลย คุณก็เช่นกันนะคะควรเช็ดและล้างเครื่องสำอางที่แต่งมาทั้งวันออกให้หมดเพื่อป้องกันสิ่งที่อาจจะตกค้างอยู่บนผิวซึ่งอาจก่อให้เกิดสิวได้


   7. เผชิญความจริง


              อย่าลืมว่าผิวหน้าของคุณช่างแสนละเอียดอ่อนเมื่อเทียบกับผิวกาย ดังนั้นการเลือกใช้โลชั่นทาผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์จึงต้องมีความละเอียดอ่อนไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองตามไปด้วย




   8. ทรีทเม้นท์ผิว






              เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะทำให้ผิวของคุณดูหมองคล้ำ ดังนั้นลองทำทรีทเม้นท์เพื่อผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวขาวขึ้นและเปล่งประกายสดใสยิ่งขึ้น


   9. ตามใจผิว


               ผิวของคุณต้องทำงานหนักเพื่อปกป้องคุณจากเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่คอยรบกวนอยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรให้การดูแลและเอาใจใส่ผิวให้มากขึ้นโดยการทาครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณทุกวัน ผิวดีๆจะได้อยู่กับคุณนานๆ ยังไงล่ะคะ





::::::ขอขอบคุณข้อมูลจาก pancosmetic